ถ้ามีคนพึงถามอย่างนี้ว่า

ถ้ามีคนพึงถามอย่างนี้ว่า ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นมูล
ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นแดนเกิด
ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นสมุทัย
ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นที่ประชุมลง
ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นประมุข
ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นใหญ่
ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นยิ่งกว่า
ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นแก่นสาร
ให้ตอบอย่างนี้ว่า ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นมูล
มีฉันทะเป็นมูล
ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นแดนเกิด
มีมนสิการเป็นแดนเกิด
ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นสมุทัย
มีผัสสะเป็นสมุทัย
ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นที่ประชุมลง
มีเวทนาเป็นที่ประชุมลง
ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นประมุข
มีสมาธิเป็นประมุข
ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นใหญ่
มีสติเป็นใหญ่
ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นยิ่งกว่า
มีปัญญาเป็นยิ่ง
ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นแก่นสาร
มีวิมุติเป็นแก่นสาร

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ธรรมเป็นที่สิ้นอาสวะ 10 ประการ
ธรรม 10 ประการนี้ อันบุคคลเจริญแล้วทำให้มากแล้ว
ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นไป แห่งอาสวะทั้งหลาย
ธรรม 10 ประการเป็นไฉน
คือสัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา
สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ
สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สัมมาญาณะ สัมมาวิมุติ
ธรรม 10 ประการนี้ อันบุคคลเจริญแล้วทำให้มากแล้ว
ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นไป
แห่งอาสวะทั้งหลาย

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า การจักแสดงสิ่งที่ดี และสิ่งที่ไม่ดีแก่เธอทั้งหลาย
สิ่งที่ไม่ดีเป็นไฉน
คือมิจฉาทิฏฐิ ความเห็นผิด
มิจฉาสังกัปปะ ความดำริผิด
มิจฉาวาจา เจรจาผิด
มิจฉากัมมันตะ การงานผิด
มิจฉาอาชีวะ เลี้ยงชีพผิด
มิจฉาวายามะ ความพยายามผิด
มิจฉาสติ ความระลึกผิด
มิจฉาสมาธิ ตั้งใจผิด
มิจฉาญาณะ รู้ผิด
มิจฉาวิมุติ หลุดพ้นผิด
นี้เรียกว่าสิ่งที่ไม่ดี

ก็สิ่งที่ดีเป็นไฉน
คือสัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ
สัมมาสังกัปปะ ความดำริชอบ
สัมมาวาจา เจรจาชอบ
สัมมากัมมันตะ การงานชอบ
สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพชอบ
สัมมาวายามะ ความเพียรชอบ
สัมมาสติ ระลึกชอบ
สัมมาสมาธิ ตั้งใจชอบ
สัมมาญาณะ ความรู้ชอบ
สัมมาวิมุติ ความหลุดพ้นชอบ
นี้เรียกว่าสิ่งที่ดี