ว่าด้วยทรงแสดงธรรมเพื่อความเป็นผู้อยู่ผู้เดียว

1. พระพุทธเจ้า ทรงตรัสถาม พระอานนท์ว่า
จักษุเที่ยงหรือไม่เที่ยง
พระอานนท์ตอบว่า
ไม่เที่ยงพระเจ้าข้า

2. พระพุทธเจ้า ทรงตรัสถาม พระอานนท์ต่อไปว่า
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ หรือเป็นสุขเล่า
พระอานนท์ตอบว่า
เป็นทุกข์พระเจ้าข้า

3. พระพุทธเจ้า ทรงตรัสถาม พระอานนท์ต่อไปว่า
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวน เป็นธรรมดา
ควรหรือหนอ ที่จะตามเห็นสิ่งนั้น ว่านั่นเป็นของเรา เป็นเรา เป็นตัวตนของเรา
พระอานนท์ตอบว่า
ไม่ควรเห็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า

4. พระพุทธเจ้า ทรงตรัสถาม พระอานนท์ว่า
รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง
พระอานนท์ตอบว่า
ไม่เที่ยงพระเจ้าข้า

5. พระพุทธเจ้า ทรงตรัสถาม พระอานนท์ต่อไปว่า
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ หรือเป็นสุขเล่า
พระอานนท์ตอบว่า
เป็นทุกข์พระเจ้าข้า

6. พระพุทธเจ้า ทรงตรัสถาม พระอานนท์ต่อไปว่า
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวน เป็นธรรมดา
ควรหรือหนอ ที่จะตามเห็นสิ่งนั้น ว่านั่นเป็นของเรา เป็นเรา เป็นตัวตนของเรา
พระอานนท์ตอบว่า
ไม่ควรเห็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า

7. พระพุทธเจ้า ทรงตรัสถาม พระอานนท์ว่า
จักษุวิญญาณ จักษุสัมผัส สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรือไม่ทุกข์ไม่สุขเวทนา
ที่เกิดขึ้น เพราะจักษุสัมผัส เป็นปัจจัยเที่ยงหรือไม่เที่ยง
พระอานนท์ตอบว่า
ไม่เที่ยงพระเจ้าข้า

8. พระพุทธเจ้า ทรงตรัสถาม พระอานนท์ต่อไปว่า
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า
พระอานนท์ตอบว่า
เป็นทุกข์พระเจ้าข้า

9. พระพุทธเจ้า ทรงตรัสถาม พระอานนท์ต่อไปว่า
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวน เป็นธรรมดา
ควรหรือหนอ ที่จะตามเห็นสิ่งนั้น ว่านั่นเป็นของเรา เป็นเรา เป็นตัวตนของเรา
พระอานนท์ตอบว่า
ไม่ควรเห็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า

10. พระพุทธเจ้า ทรงตรัสถาม พระอานนท์ว่า
ใจเที่ยงหรือไม่เที่ยง
พระอานนท์ตอบว่า
ไม่เที่ยงพระเจ้าข้า

11. พระพุทธเจ้า ทรงตรัสถาม พระอานนท์ต่อไปว่า
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ หรือเป็นสุขเล่า
พระอานนท์ตอบว่า
เป็นทุกข์พระเจ้าข้า

12. พระพุทธเจ้า ทรงตรัสถาม พระอานนท์ต่อไปว่า
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวน เป็นธรรมดา
ควรหรือหนอ ที่จะตามเห็นสิ่งนั้น ว่านั่นเป็นของเรา เป็นเรา เป็นตัวตนของเรา
พระอานนท์ตอบว่า
ไม่ควรเห็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า

13. พระพุทธเจ้า ทรงตรัสถาม พระอานนท์ว่า
ธรรมารมณ์ เที่ยงหรือไม่เที่ยง
พระอานนท์ตอบว่า
ไม่เที่ยงพระเจ้าข้า

14. พระพุทธเจ้า ทรงตรัสถาม พระอานนท์ต่อไปว่า
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ หรือเป็นสุขเล่า
พระอานนท์ตอบว่า
เป็นทุกข์พระเจ้าข้า

15. พระพุทธเจ้า ทรงตรัสถาม พระอานนท์ต่อไปว่า
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวน เป็นธรรมดา
ควรหรือหนอ ที่จะตามเห็นสิ่งนั้น ว่านั่นเป็นของเรา เป็นเรา เป็นตัวตนของเรา
พระอานนท์ตอบว่า
ไม่ควรเห็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า

16. พระพุทธเจ้า ทรงตรัสถาม พระอานนท์ว่า
มโนวิญญาณ มโนสัมผัส สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรือไม่ทุกข์ไม่สุขเวทนา
ที่เกิดขึ้น เพราะมโนสัมผัส เป็นปัจจัยเที่ยง หรือไม่เที่ยง
พระอานนท์ตอบว่า
ไม่เที่ยงพระเจ้าข้า

17. พระพุทธเจ้า ทรงตรัสถาม พระอานนท์ต่อไปว่า
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง
สิ่งนั้นเป็นทุกข์ หรือเป็นสุขเล่า พระอานนท์ตอบว่า
เป็นทุกข์พระเจ้าข้า

18. พระพุทธเจ้า ทรงตรัสถาม พระอานนท์ต่อไปว่า
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวน เป็นธรรมดา
ควรหรือหนอ ที่จะตามเห็นสิ่งนั้น ว่านั่นเป็นของเรา เป็นเรา เป็นตัวตนของเรา
พระอานนท์ตอบว่า
ไม่ควรเห็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า

อริยสาวก ผู้ได้สดับแล้วเห็นอยู่อย่างนี้
ย่อมเบื่อหน่อยทั้งในจักษุ ทั้งในรูป
ทั้งในจักษุวิญญาณ
ทั้งในจักษุสัมผัส
ทั้งในสุขเวทนาทุกขเวทนา
หรือไม่ทุกข์ไม่สุขเวทนา
ที่เกิดขึ้น เพราะอาศัยจักษุสัมผัส เป็นปัจจัยตามความเป็นจริง
เมื่อเบื่อหน่อยย่อมคลายกำหนัด
เพราะคลายกำหนัดจึงหลุดพ้น
เมื่อหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว
รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว
พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว
กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว
กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มีอีก