ติมพรุกขสูตร

ติมพรุกขสูตร
ว่าด้วยสุขและทุกข์
พระผู้มีพระภาค ประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี
ครั้งนั้นแลปริพาชกชื่อว่าติมพรุกขะ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
ครั้นแล้วได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค
ครั้นผ่านการปราศรัย พอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่งณที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วติมพรุกขปริพาชก ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า

ติมพรุกขะทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่ท่านพระโคดม สุขและพวกตนกระทำเองหรือ
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า อย่ากล่าวอย่างนั้นติมพรุกขะ

ติมพรุกขะทูลถามพระผู้มีพระภาคต่อไปว่า
สุขและทุกข์ผู้อื่นกระทำให้หรือท่านพระโคดม
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า อย่ากล่าวอย่างนั้นติมพรุกขะ

ติมพรุกขะทูลถามพระผู้มีพระภาคต่อไปว่า
สุขและทุกข์ตนกระทำเองด้วย
ผู้อื่นกระทำให้ด้วยหรือท่านพระโคดม
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า อย่ากล่าวอย่างนั้นติมพรุกขะ

ติมพรุกขะทูลถามพระผู้มีพระภาคต่อไปว่า
สุขและทุกข์บังเกิดขึ้น เพราะอาศัยการที่มิใช่ตนเองกระทำ
มิใช่ผู้อื่นกระทำให้หรือท่านพระโคดม
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า อย่ากล่าวอย่างนั้นติมพรุกขะ

ติมพรุกขะทูลถามพระผู้มีพระภาคต่อไปว่า
สุขและทุกข์ไม่มีหรือท่านพระโคดม
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า สุขและทุกข์ไม่มีหาไม่ได้ สุขและทุกข์มีอยู่ติมพรุกขะ
ติมพรุกขะทูลถามพระผู้มีพระภาคต่อไปว่า
ถ้าอย่างนั้นท่านพระโคดม ย่อมไม่รู้ไม่เห็นสุขและทุกข์
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า เราย่อมไม่รู้ไม่เห็นสุขและทุกข์หาไม่ได้
เรารู้เห็นสุขและทุกข์อยู่ติมพรุกขะ

เมื่อข้าพเจ้าถามว่า ข้าแต่ท่านพระโคดมสุขและทุกข์ ตนกระทำเองหรือ
ท่านตรัสว่าอย่ากล่าวอย่างนั้นติมพรุกขะ
เมื่อข้าพเจ้าถามว่า สุขและทุกข์ผู้อื่นกระทำให้หรือ
ท่านพระโคดม ท่านตรัสว่า อย่ากล่าวอย่างนั้นติมพรุกขะ
เมื่อข้าพเจ้าถามว่า สุขและทุกข์ตนกระทำเองด้วย
ผู้อื่นกระทำให้ด้วยหรือท่านพระโคดม
ท่านตรัสว่าอย่ากล่าวอย่างนั้นติมพรุกขะ
เมื่อข้าพเจ้าถามว่าสุขและทุกข์บังเกิดขึ้น
เพราะอาศัยการที่ไม่ใช่ตนเองกระทำ
ไม่ใช่ผู้อื่นกระทำให้หรือท่านพระโคดม
ท่านตรัสว่าอย่ากล่าวอย่างนั้นติมพรุกขะ
เมื่อข้าพเจ้าถามว่าสุขและทุกข์ไม่มีหรือ
ท่านตรัสว่าสุขและทุกข์ไม่มีหาไม่ได้
สุขและทุกข์มีอยู่ติมพรุกขะ
เมื่อข้าพเจ้าถามว่า
ถ้าอย่างนั้นท่านพระโคดม
ย่อมไม่รู้ไม่เห็นสุขและทุกข์
ท่านตรัสว่า เราย่อมไม่รู้ไม่เห็นสุขและทุกข์หาไม่ได้
เราเห็นสุขและทุกข์อยู่ติมพรุกขะ
ท่านพระโคดมจงตรัสบอกสุขและทุกข์
แก่ข้าพเจ้าขอท่านพระโคดม
จงทรงแสดงสุขและทุกข์แก่ข้าพเจ้า

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรติมพรุกขะ
เมื่อบุคคลถืออยู่ว่านั่นเวทนา นั่นผู้เสวยดังนี้
แต่เราไม่กล่าวอย่างนี้ว่า สุขและทุกข์ตนกระทำเอง
เมื่อบุคคลถูกเวทนาทิ่มแทงอยู่ว่า
เวทนาอย่างหนึ่งผู้เสวยเป็นอีกคนหนึ่งดังนี้
แต่เราไม่กล่าวอย่างนี้ว่า สุขและทุกข์ผู้อื่นกระทำให้
ดูกรติมพรุกขะตถาคตแสดงธรรม โดยสายกลาง
ไม่เข้าไปใกล้ส่วนสุดทั้งสองนั้นว่า
เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยจึงมีสังขาร เพราะสังขารเป็นปัจจัยจึงมีวิญญาณ
ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้
เพราะอวิชชานั่นแหละดับ ด้วยสำรอกโดยไม่เหลือ สังขารจึงดับ
เพราะสังขารดับวิญญาณจึงดับ
ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้

พระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว
ติมพรุกขะปริพาชก ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่ท่านพระโคดม ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก
ข้าแต่ท่านพระโคดม ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก
พระผู้มีพระภาค ทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย
เปรียบเหมือนบุคคล หงายของที่คว่ำเปิดของที่ปิด
บอกทางแก่คนหลงทาง หรือตามประทีปในที่มืด
ด้วยประสงค์ว่าผู้มีจักษุ จักเห็นรูปฉะนั้น
ข้าพระองค์ขอถึงท่านพระโคดม กับทั้งพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ เป็นสรณะ
ขอท่านพระโคดม จงทรงจำข้าพระองค์
ว่าเป็นอุบาสกถึงผู้ถึงสรณะ จนตลอดชีวิตจำเดิมแต่วันนี้เป็นต้นไป