วิภังคสูตร
วิภังคสูตร
ว่าด้วยจำแนกปฏิจจสมุปบาท
พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เราจักแสดงจักจำแนกปฏิจจสมุปบาทแก่พวกเธอ
พวกเธอจงฟังปฏิจจสมุปบาทนั้น จงใส่ใจให้ดีเถิดเราจักกล่าว
ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็ปฏิจจสมุปบาทเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยจึงมีสังขาร
เพราะสังขารเป็นปัจจัยจึงมีวิญญาณ
เพราะวิญญาณเป็นปัจจัยจึงมีนามรูป
เพราะนามรูปเป็นปัจจัยจึงมีสฬายตนะ
เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัยจึงมีผัสสะ
เพราะผัสสะเป็นปัจจัยจึงมีเวทนา
เพราะเวทนาเป็นปัจจัยจึงมีตัณหา
เพราะตัณหาเป็นปัจจัยจึงมีอุปาทาน
เพราะอุปาทานเป็นปัจจัยจึงมีภพ
เพราะภพเป็นปัจจัยจึงมีชาติ
เพราะชาติเป็นปัจจัยจึงมีชรา
และมรณะโสกะปริเทวะ
ทุกข์โทมนัสและอุปายาส
ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้
ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็ชราและมรณะเป็นไฉน
ความแก่ ภาวะของความแก่
ฟันหลุด ผมหงอก หนังเป็นเกลียว
ความเสื่อมแห่งอายุ
ความแก่หง่อมแห่งอินทรีย์
ในหมู่สัตว์นั้นๆของเหล่าสัตว์นั้นๆ
นี้เรียกว่าชรา
ก็มรณะเป็นไฉน
ความเคลื่อนภาวะของความเคลื่อน
ความทำลายความอันตรธานมฤตยู
ความตาย กาลกิริยา
ความแตกแห่งขันธ์
ความทอดทิ้งซากศพ
ความขาดแห่งชีวิตินทรีย์
จากนั้นของเหล่าสัตว์นั้นๆ
นี้เรียกว่ามรณะ
ชราและมรณะดังพรรณนามาฉะนี้
เรียกว่าชราและมรณะ
ก็ชาติเป็นไฉน
ความเกิดความบังเกิด
ความหยั่งลง
เกิด
เกิดจำเพาะ
ความปรากฏแห่งขันธ์
ความได้อายตนะครบในหมู่สัตว์นั้นๆ
ของเหล่าสัตว์นั้นๆ
นี้เรียกว่าชาติ
ก็ภพเป็นไฉน
ภพ 3 เหล่านี้คือ
กามภพ รูปภพ อรูปภพ
นี้เรียกว่าภพ
ก็อุปาทานเป็นไฉน
อุปาทาน 4 เหล่านี้
คือกามุปาทาน
ทิฏฐุปาทาน
สีลพัตตุปาทาน
อัตตวาทุปาทาน
นี้เรียกว่าอุปาทาน
ก็ตัณหาเป็นไฉน
ตัณหา 6 หมวดเหล่านี้คือ
รูปตัณหา สัททตัณหา
คันธตัณหา รสตัณหา
โผฏฐัพพะตัณหา ธัมมตัณหา
นี้เรียกว่าตัณหา
ก็เวทนาเป็นไฉน
เวทนา 6 หมวดเหล่านี้คือ
จักขุสัมผัสสชาเวทนา
โสตสัมผัสสชาเวทนา
ฆานสัมมผัสสชาเวทนา
ชิวหาสัมผัสสชาเวทนา
กายสัมผัสสชาเวทนา
มโนสัมผัสสชาเวทนา
นี้เรียกว่าเวทนา
ก็ผัสสะเป็นไฉน
ผัสสะ 6 หมวดเหล่านี้คือ
จักขุสัมผัส
โสตะสัมผัส
ฆานสัมผัส
ชิวหาสัมผัส
กายสัมผัส
มโนสัมผัส
นี้เรียกว่าผัสสะ
ก็สฬายตนะเป็นไฉน
สฬายตนะคือ
ตา หู จมูก
ลิ้น กาย ใจ
นี้เรียกว่าสฬายตนะ
ก็นามรูปเป็นไฉน
เวทนา สัญญา เจตนา
ผัสสะ มนสิการ
นี้เรียกว่านาม
มหาภูตรูป 4
และรูปที่อาศัยมหาภูตรูป 4
นี้เรียกว่ารูป
นามและรูปดังพรรณนามาฉะนี้
เรียกว่านามรูป
ก็วิญญาณเป็นไฉน
วิญญาณ 6 หมวดเหล่านี้คือ
จักขุวิญญาณ
โสตะวิญญาณ
ฆานวิญญาณ
ชิวหาวิญญาณ
กายวิญญาณ
มโนวิญญาณ
นี้เรียกว่าวิญญาณ
ก็สังขารเป็นไฉน
สังขาร 3 เหล่านี้คือ
กายสังขาร
วจีสังขาร
จิตสังขาร
นี้เรียกว่าสังขาร
ก็อวิชชาเป็นไฉน
ความไม่รู้ในทุกข์
ความไม่รู้ในเหตุเกิดแห่งทุกข์
ความไม่รู้ในความดับทุกข์
ความไม่รู้ในปฏิปทา
ที่จะให้ถึงความดับทุกข์
นี้เรียกว่าอวิชา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยจึงมีสังขาร
เพราะสังขารเป็นปัจจัยจึงมีวิญญาณ
ดังพรรณนามาฉะนี้
ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้
ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้
ก็เพราะอวิชชานั่นแหละ
ดับด้วยการสำรอกโดยไม่เหลือ
สังขารจึงดับ
เพราะสังขารดับวิญญาณจึงดับ
ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้
ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้