อานาปานสติภาวนา
อานาปานสติภาวนา
ดูกรราหุล
เธอจงเจริญอานาปานสติภาวนาเถิด
เพราะอานาปานสติ ที่บุคคลเจริญแล้วทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลมีอานิสงส์ใหญ่
ก็อานาปานสติอันบุคคลเจริญอย่างไร ทำให้มากอย่างไร จึงมีผลใหญ่มีอานิสงส์ใหญ่
ดูกรราหุล
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ อยู่ในป่าก็ดี อยู่ที่โคนไม้ก็ดี อยู่ในเรือนว่างก็ดี
นั่งคู้บัลลังก์ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า
เธอมีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า
เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่าหายใจออกยาว
เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่าหายใจเข้ายาว
เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่าหายใจออกสั้น
เมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่าหายใจเข้าสั้น
ย่อมสำเหนียกว่า จักกำหนดรู้กองลมทั้งปวงหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า จักกำหนดรู้กองลมทั้งปวงหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า จักระงับกายสังขารหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า จักระงับกายสังขารหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า จักกำหนดรู้ปิติหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า จักกำหนดรู้ปิติหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า จักกำหนดรู้สึกหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า จักกำหนดรู้สึกหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า จักกำหนดรู้จิตสังขารหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า จักกำหนดรู้จิตสังขารหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า จักระงับจิตสังขารหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า จักระงับจิตสังขารหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า จักกำหนดรู้จิตหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า จักกำหนดรู้จิตหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า จักทำจิตให้ร่าเริงหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า จักทำจิตให้ร่าเริงหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า จักดำรงจิตมั่นหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า จักดำรงจิตมั่นหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า จักเปลื้องจิตหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า จักเปลื้องจิตหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่าจักพิจารณา โดยความเป็นของไม่เที่ยงหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่าจักพิจารณา โดยความเป็นของไม่เที่ยงหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่าจักพิจารณา ธรรมอันปราศจากราคะหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่าจักพิจารณา ธรรมอันปราศจากราคะหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่าจักพิจารณา ธรรมเป็นที่ดับสนิทหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่าจักพิจารณา ธรรมเป็นที่ดับสนิทหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่าจักพิจารณา ธรรมเป็นที่สละคืนหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่าจักพิจารณา ธรรมเป็นที่สละคืนหายใจเข้า
ดูกรราหุล
อานาปานสติที่บุคคลเจริญแล้วอย่างนี้ ทำให้มากแล้วอย่างนี้ ย่อมมีผลใหญ่มีอานิสงส์ใหญ่
ดูกรราหุล
เมื่ออานาปานสติอันบุคคลเจริญแล้วอย่างนี้ ทำให้มากแล้วอย่างนี้
ลมอัสสาสะปัสสาสะอันมีในภายหลัง
อันบุคคลผู้เจริญอานาปานสติ ทราบชัดแล้วย่อมดับไป
หาเป็นอันบุคคลผู้เจริญอานาปานสติ ไม่ทราบชัดแล้วดับไปไม่ได้ดังนี้
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว
ท่านพระราหุลมีใจยินดี ชื่นชมพระภาษิตของพระผู้มีพระภาคดังนี้แล