ว่าด้วยความเป็นอนิจจังแห่งอายตนะภายนอก

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า รูปเป็นของไม่เที่ยง
สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์
สิ่งใดเป็นทุกข์สิ่งนั้นเป็นอนัตตา
สิ่งใดเป็นอนัตตาสิ่งนั้นท่านทั้งหลาย พึงเห็นด้วยปัญญา อันชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า
นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา
เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ เป็นของไม่เที่ยง
สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์
สิ่งใดเป็นทุกข์สิ่งนั้นเป็นอนัตตา
สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นท่านทั้งหลายพึงเห็น ด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริง อย่างนี้ว่า
นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา

เมื่ออริยสาวก ผู้ได้สดับแล้วเห็นอยู่อย่างนี้
ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในรูป
ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในเสียง
ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในกลิ่น
ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในรส
ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในโผฏฐัพพะ
ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในธรรมารมณ์
เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายกําหนัด
เพราะคลายกําหนัดย่อมหลุดพ้น
เมื่อหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว
รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว
พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว
กิจที่ควรทํา..ทําเสร็จแล้ว
กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี