สัมมสนสูตรที่ 2
สัมมสนสูตรที่ 2
ว่าด้วยปัจจัยให้ชราและมรณะ
สมัยหนึ่งท่านพระสารีบุตร และท่านพระมหาโกฏฐิตะ
อยู่ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เขตพระนครพาราณสี
ครั้งนั้นแลเป็นเวลาเย็น
ท่านพระมหาโกฏฐิตะ ออกจากที่พักผ่อน
เข้าไปหาพระสารีบุตรถึงที่อยู่ ได้ปราศรัยกับท่านพระสารีบุตร
ครั้นผ่านการปราศรัย พอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว
จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ท่านพระมหาโกฏฐิตะ นั่งเรียบร้อยแล้ว
ได้กล่าวคำนี้กะท่านพระสารีบุตรว่า
ท่านพระมหาโกฏฐิตะถามพระสารีบุตรว่า
ชราและมรณะตนทำเอง ผู้อื่นทำให้
ทั้งตนทำเองทั้งผู้อื่นทำให้ หรือว่าชราและมรณะบังเกิดขึ้น
เพราะอาศัยตนไม่ได้ทำเอง ผู้อื่นไม่ได้ทำให้
ท่านพระสารีบุตรกล่าวตอบว่า
ท่านโกลิตะชราและมรณะ ตนทำเองก็ไม่ใช่
ผู้อื่นทำให้ก็ไม่ใช่ ทั้งตนทำเองทั้งผู้อื่นทำให้ก็ไม่ใช่
บังเกิดขึ้น เพราะอาศัยตนไม่ได้ทำเอง
ผู้อื่นไม่ได้ทำให้ก็ไม่ใช่ แต่ว่าเพราะชาติเป็นปัจจัย
จึงมีชราและมรณะ ท่านพระมหาโกฏฐิตะถามพระสารีบุตรว่า
ท่านสารีบุตรชาติตนทำเอง ผู้อื่นทำให้ ทั้งตนทำเองทั้งผู้อื่นทำให้
หรือว่าชาติบังเกิดขึ้น เพราะอาศัยตนไม่ได้ทำเอง ผู้อื่นไม่ได้ทำให้
ท่านพระสารีบุตรกล่าวตอบว่า
ท่านโกลิตะชาติตนทำเองก็ไม่ใช่ ผู้อื่นทำให้ก็ไม่ใช่
ทั้งตนทำเองทั้งผู้อื่นทำให้ก็ไม่ใช่ ชาติบังเกิดขึ้น
เพราะอาศัยตนไม่ได้ทำเอง ผู้อื่นไม่ได้ทำให้ก็ไม่ใช่
แต่เพราะภพเป็นปัจจัยจึงมีชาติ
ท่านพระมหาโกฏฐิตะถามพระสารีบุตรว่า
ท่านสารีบุตรภพตนทำเอง อุปทานตนทำเอง
ตัณหาตนทำเอง เวทนาตนทำเอง
ผัสสะตนทำเองทำเอง นามรูปตนทำเอง ผู้อื่นทำให้
ทั้งตนทำเองทั้งผู้อื่นทำให้ หรือว่านามรูปบังเกิดขึ้น
เพราะอาศัยตนไม่ได้ทำเอง ผู้อื่นไม่ได้ทำให้
ท่านพระสารีบุตรกล่าวตอบว่าท่านโกฏฐิตะ
นามรูปตนทำเองก็ไม่ใช่
ผู้อื่นทำให้ก็ไม่ใช่
ทั้งตนทำเองทั้งผู้อื่นทำให้ก็ไม่ใช่
นามรูปบังเกิดขึ้น
เพราะอาศัยตนไม่ได้ทำเอง
ผู้อื่นไม่ได้ทำให้ก็ไม่ใช่
แต่เพราะวิญญาณเป็นปัจจัยจึงมีนามรูป
ท่านพระมหาโกฏฐิตะถามพระสารีบุตรว่า
ท่านสารีบุตรวิญญาณตนทำเอง ผู้อื่นทำให้
ทั้งตนทำเอง ทั้งผู้อื่นทำให้ หรือว่าวิญญาณบังเกิดขึ้น
เพราะอาศัยตนไม่ได้ทำเอง ผู้อื่นไม่ได้ทำให้
ท่านพระสารีบุตรกล่าวตอบว่าท่านโกฏฐิตะ
วิญญาณตนทำเองก็ไม่ใช่ ผู้อื่นทำให้ก็ไม่ใช่ ทั้งตนเองและผู้อื่นทำให้ก็ไม่ใช่
วิญญาณบังเกิดขึ้น เพราะอาศัยตนไม่ได้ทำเอง ผู้อื่นไม่ได้ทำให้ก็ไม่ใช่
แต่เพราะนามรูปเป็นปัจจัยจึงมีวิญญาณ
เราทั้งหลายเพิ่งรู้ชัดภาษิต ของท่านสารีบุตรในบัดนี้เอง
อย่างนี้ว่าท่านโกฏฐิตะ
นามรูปตนทำเองก็ไม่ใช่ ผู้อื่นทำให้ก็ไม่ใช่
ทั้งตนทำเองทั้งผู้อื่นทำให้ก็ไม่ใช่
บังเกิดขึ้น เพราะอาศัยตนไม่ได้ทำเอง ผู้อื่นไม่ได้ทำให้ก็ไม่ใช่
แต่เพราะวิญญาณเป็นปัจจัยจึงมีนามรูป
อนึ่งเราทั้งหลายรู้ชัดภาษิต ของท่านพระสารีบุตรในบัดนี้เอง
อย่างนี้ว่าท่านโกฏฐิตะ
วิญญาณตนทำเองก็ไม่ใช่ ผู้อื่นก็ทำให้ก็ไม่ใช่
บังเกิดขึ้นเพราะ อาศัยตนไม่ได้ทำเอง ผู้อื่นไม่ได้ทำให้ก็ไม่ใช่
แต่เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ
ท่านสารีบุตรก็เนื้อความของภาษิตนี้
เราทั้งหลายจะพึงเห็นได้อย่างไร
ดูกรอาวุโสถ้าเช่นนั้น
ผมจะเปรียบให้ท่านฟัง ในโลกนี้บุรุษผู้ฉลาดบางพวก
ย่อมรู้ชัดเนื้อความของภาษิต ได้แม้ด้วยอุปมา
อาวุโสไม้อ้อ 2 กำพึงตั้งอยู่ได้
เพราะต่างอาศัยซึ่งกันและกันฉันใด
เพราะนามรูปเป็นปัจจัยจึงมีวิญญาณ
เพราะวิญญาณเป็นปัจจัยจึงมีนามรูป
ท่อนามรูปเป็นปัจจัยจึงมีสฬายตนะ
สฬายตนะเป็นปัจจัยจึงมีผัสสะ
ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้
ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ฉันนั้นแล', ถ้าไม้อ้อ 2 กำนั้นพึงเอาออกเสียกำหนึ่ง
อีกคำหนึ่งก็ล้มไป
ถ้าดึงอีกกำหนึ่งออก
อีกคำหนึ่งก็ล้มไปฉันใด
เพราะนามรูปดับวิญญาณจึงดับ
เพราะวิญญาณดับนามรูปจึงดับ
เพราะนามรูปดับสฬายตนะจึงดับ
เพราะสฬายตนะดับผัสสะจึงดับ
ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้
ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ฉันนั้นแล
น่าอัศจรรย์ท่านสารีบุตรไม่เคยมีมา
ท่านสารีบุตรเท่าที่ท่านสารีบุตรกล่าวนี้
เป็นอันกล่าวดีแล้ว
ก็แลเราทั้งหลายพลอยยินดีสุภาษิตนี้ ของท่านสารีบุตร
ด้วยเรื่อง 36 เรื่องเหล่านี้
ถ้าภิกษุแสดงธรรมเพื่อความหน่าย เพื่อคลายกำหนัด
เพื่อดับชราและมรณะ ควรจะกล่าวว่าภิกษุธรรมกถึก
ถ้าภิกษุปฏิบัติเพื่อความหน่าย เพื่อคลายกำหนัด
เพื่อดับชราและมรณะ ควรจะกล่าวว่า ภิกษุปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
ถ้าภิกษุหลุดพ้นเพราะความหน่าย เพราะคลายกำหนัด
เพราะความดับ เพราะไม่ถือมั่นชราและมรณะ
ควรจะกล่าวว่า ภิกษุบรรลุนิพพานในปัจจุบัน
ถ้าภิกษุแสดงธรรมเพื่อความหน่าย เพื่อคลายกำหนัด
เพื่อดับชาติ ภพ อุปาทาน ตัณหา เวทนา ผัสสะ
สฬายตนะ นามรูป วิญญาณ สังขารทั้งหลาย อวิชชา
ควรจะกลับว่าภิกษุธรรมกถึก
ถ้าภิกษุปฏิบัติเพื่อความหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับอวิชชา
ควรจะกล่าวว่า ภิกษุปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
ถ้าภิกษุหลุดพ้น เพราะความหน่าย เพราะคลายกำหนัด
เพราะความดับ เพราะความไม่ถือมั่นในอวิชชา
ควรจะกล่าวว่าภิกษุบรรลุนิพพานในปัจจุบัน