เราจะให้รางวัลชีวิตของเราได้อย่างไร?

ทำไมต้องให้รางวัลชีวิตของเราด้วย ก่อนที่จะให้รางวัลชีวิตของเราให้ถูกต้องตามที่ชีวิตของเราต้องการนั้น เราต้องรู้จักตัวของเราก่อนว่าตัวของเรามี 2 ตัว ที่ซ้อนทับกันอยู่





ตัวที่ 1 ก็คือ ตัวชีวิต หมายถึง ร่างกายของเราทั้งหมด


ส่วนตัวที่สองก็คือ ตัวคน หรือ จิตใจของเรา





ความต้องการของ 2 ตัวนี้แตกต่างกัน บางอย่างมีขีดจำกัด บางอย่างไม่มีขีดจำกัด ยกตัวอย่างเช่น เวลาดื่มเหล้าดื่มมากเข้าตัวชีวิตหรือว่าร่างกายรับไม่ไหว บางครั้งอาเจียนออกมา แต่ตัวคนหรือตัวจิตใจหรือตัวความอยากนั้นไม่พอต้องการอีก เมื่อสองส่วนนี้ขัดแย้งกันตัวชีวิตก็เดือดร้อนอาเจียนออกมา เดินไม่เป็นทาง ลักษณะของความเป็นคนไม่มีเหลือ มีลักษณะเหมือนสัตว์เดรัจฉาน ทักษะชีวิตกับตัวความอยากรู้ตัวคนไม่สมดุลกันตัวชีวิตจะเดือดร้อนตลอดเวลาเพราะตัวชีวิตมีขีดจำกัดในการรับแต่ตัวคนนี้ไม่มีขีดจำกัดดังพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า แม่น้ำเสมอความอยากไม่มีเมื่อ 2 ตัวขัดแย้งกันวิธีความเป็นอยู่ของบุคคลนั้นๆก็จะมีแต่ปัญหาเครียดเกิดความทุกข์ตลอดเวลาร่างกายหรือตัวชีวิตรับไม่ได้แล้วเกิดอาการเจ็บป่วยขึ้น 90% อาการป่วยของคนเราเกิดจาก 2 ตัวนี้ขัดแย้งกัน ทำให้ร่างกายอ่อนแอ เชื้อโรคภายนอกเข้าทำลายได้ง่าย นอกจากเจ็บป่วยในตัวชีวิตแล้ว ตัวคนก็ป่วยอีกจิตใจก็ป่วยด้วย เพราะสะสมปัญหาขึ้นทุกวันด้วยความอยากหรือปัญหาหาที่สุดไม่ได้ แก้ปัญหาที่ตัวเองสร้างขึ้นไม่ได้ก็ตัดสินใจฆ่าตัวตาย นี่คือความขัดแย้งของร่างกายและจิตใจ หรือตัวชีวิตและตัวคน





ตลอดเวลาที่เราเกิดมาเป็นคนทำร้ายชีวิตตัวเองมาตลอดทำร้ายตัวเอง โดยปล่อยให้ภัยร้ายเข้ามาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ หรืออินทรีย์ 6 ตลอดเวลา เมื่ออินทรีย์ 6 กระทบสิ่งภายนอกก็มาปรุงแต่งทำให้เกิดความพอใจไม่พอใจ อันไหนพอใจก็เสาะแสวงหา อันไหนไม่พอใจก็ผลักหนี ชีวิตของปุถุชนคนธรรมดาก็ปฏิบัติอย่างนี้มาตลอดชีวิตของเขา ในที่สุดปัญหาความพอใจและไม่พอใจที่สะสมไว้ไม่รู้ตัวเพิ่มมากขึ้นก็ผลักดันตัวเองทำในสิ่งที่ตนเองต้องการนั้นโดยไม่ได้คิดพิจารณาให้ถี่ถ้วน ทำให้เกิดปัญหาซับซ้อนมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว นี่คือตัวความอยากหรือตัวคนสร้างปัญหาให้กับตัวชีวิต ตัวคนสร้างปัญหาเหล่านี้ให้กับตัวชีวิตทุกวันไม่มีเว้น ตัวชีวิตมีขีดความสามารถรับปัญหาเหล่านี้ได้จำกัดไม่เหมือนตัวคน ตัวชีวิตก็เสื่อมโทรม ขี้โรค เพราะเกิดจากความเครียด แก้ปัญหาที่สะสมมาไม่ได้ ทำให้ความสมดุลของร่างกายเสียสมดุลไป ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมา





บางครั้งร่างกายหรือชีวิตทนไม่ไหวก็ล้มป่วยลงถึงพิกลพิการไปหรือไม่ก็ฆ่าตัวตายซึ่งมีมากมายให้เห็นทุกวันในขณะนี้ตลอดเวลา ตัวคนก็พยายามแก้ไขไปหายามากิน ไปหาหมอมารักษา หายจากโรคหนึ่งไปเป็นอีกโรคหนึ่ง ชีวิตเราเป็นอย่างนี้ตลอดเวลา เพราะต้นเหตุของการเกิดโรคทางกายหรือทางชีวิตนั้นมาจากตัวคนหรือจิตใจ เมื่อจิตใจแสวงหาสิ่งที่ตัวเองต้องการไม่มีที่สิ้นสุดอย่างนี้ โรคทางกายหรือทางตัวชีวิตก็ไม่มีที่สิ้นสุดเช่นกัน ตัวชีวิตของเราก็ถูกทรมานอยู่ตลอดเวลา





ตัวชีวิตของเราก็ต้องการพักผ่อนหรือผ่อนคลายเช่นกัน ตลอดเวลาตั้งแต่เราเกิดมาเราไม่เคยหันไปมองดูตัวชีวิตเราของเราเลย มองบ้างในบางครั้งแต่ผิวเผินและไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างตัวชีวิตกับตัวคน ว่าเกี่ยวเนื่องกันอย่างไร ต่อไปคนเราต้องหันมามองดูตัวชีวิตของเราให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เราตามใจตัวคนเกินไปจนลืมตัวชีวิต ปล่อยให้เขาอยู่แบบทรมานมานานแล้ว และเราก็ไม่ควรทรมานตัวชีวิตอีกต่อไป ขอให้ท่านหันกลับมามองดูชีวิตตัวเองบ้าง เราไม่เคยให้อะไรกับตัวชีวิตของเราเลย ให้แต่ตัวคนตลอดเวลา ตัวคนรือตัวจิตใจจึงได้รับการทะนุถนอมมาตลอดเวลา ปล่อยให้ตัวชีวิตอ้างว้างว้าเหว่มานานแสนนาน ถ้าตราบใดยังเดินไปไหนมาไหนได้จะไม่หันมามองดูตัวชีวิตเลย แต่วันไหนเดินไปไหนมาไหนไม่ได้นอนซมอยู่โรงพยาบาลนั่นแหละ ตัวชีวิตจึงจะได้รับการพักผ่อนเยียวยารักษาให้หายจากอาการบาดเจ็บ การบาดเจ็บของชีวิตทุกครั้งเกิดจากตัวคนหรือตัวความอยากนำมาให้เกือบทั้งหมด พวกเราเอารัดเอาเปรียบทรมานตัวชีวิตของเรามานานเหลือเกินแต่เขาก็ไม่เคยทำร้ายจิตใจหรือตัวคนเลย ให้ตัวคนอาศัยร่างกายนี้ คิดกระทำตามที่ตัวคนต้องการ บางครั้งชีวิตรับไม่ได้ก็ต้องทนเอา ทนไม่ได้ก็ฟุบคาที่ พอหายแล้ว ตัวคนก็ใช้ตัวชีวิตทำร้ายตัวเองอีกเป็นอย่างนี้ตลอดเวลาหรือตลอดชีวิตของเรา เราบังคับเคี่ยวเข็ญตัวชีวิตของเราตลอดเวลา ต่อไปเราควรหยุดคิด หยุดทรมานเขาบ้าง แค่นี้ยังไม่พอบางครั้งพาเขาไปทรมานในคุกอีกหลายปี





ตัวชีวิตควรได้รับรางวัลสูงสุดจากตัวคนบ้าง รางวัลที่ชีวิตของเราต้องการคืออะไรคือการลดโลภ โกรธ หลง ของตัวคนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นี่คือสิ่งที่ตัวชีวิตหรือร่างกายของเราต้องการ เมื่อโลภโกรธ หลง ลดลงไปแล้ว ตัวปัญญาก็จะเกิดขึ้นในตัวคน เมื่อมีปัญญาเพิ่มขึ้นก็จะแก้ไขปัญหาให้กับตัวคนได้มาก สิ่งที่ตกค้างในตัวคนก็มีน้อย เมื่อมีน้อยก็ไม่กระทบกระเทือนตัวชีวิต ตัวชีวิตก็จะได้พักผ่อนบ้างมิฉะนั้นก็จะไปตามแรงผลักดันจากความโลภ โกรธ หลง เมื่อไม่มีแรงผลักดันจากโลภ โกรธ หลง ตัวชีวิตก็จะผ่อนคลายสบายขึ้น โรคภัยไข้เจ็บที่เกิดขึ้นบนตัวชีวิตก็ลดลงไปด้วย เพราะไม่เครียดกับปัญหาต่างๆภูมิต้านทานของร่างกายก็มีมากขึ้น เอาชนะโรคภัยไข้เจ็บได้





ถ้าเราจะให้รางวัลแก่ชีวิตของเรา เราจะต้องปฏิบัติตัวของเราให้ความโลภ โกรธ หลง ลดลงไป วิธีปฏิบัตินั้น พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้เป็นเวลา 2500 กว่าปีมาแล้ว ให้ชาวพุทธเราไปปฏิบัติเพื่อดับความโลภ โกรธ หลง หลักปฏิบัติก็คือหลักสติปัฏฐาน 4 คือการวิปัสสนาภาวนาพิจารณาขันธ์ 5 และอินทรีย์ 6 ให้รู้เห็นสิ่งทั้งปวงตามความเป็นจริง ถ้าคนเราปฏิบัติตามหลักทางสายเอกนี้แล้วโลภ โกรธ หลงก็เบาบางและหมดไปในที่สุดนี่คือสิ่งที่ตัวชีวิตต้องการมากที่สุด ตัวคนควรจะปฏิบัติเอาหลักการอันนี้มามอบให้ตัวชีวิต เพื่อเป็นรางวัลอันสูงค่า เพื่อตอบแทนบุญคุณแก่ตัวชีวิตที่ต้องบอบช้ำทนทุกข์ทรมาน รองรับความโลภ โกรธ หลง ของตัวคนมาตลอด เมื่อทุกคนเข้าถึงความจริงของโลกและชีวิตแล้ว ตัวร่างกายหรือตัวชีวิตก็จะได้พักและผ่อนคลายตลอดไป ต่างคนต่างเกื้อกูลซึ่งกันและกันพากันไปถึงที่สุดของทุกข์ คือสุขถาวรที่ตัวคนและตัวชีวิตต้องการ นี่คือรางวัลที่ตัวชีวิตและตัวคนต้องการ แต่การจะมอบความสุขถาวรให้เป็นรางวัลแก่ชีวิตนั้นต้องเข้าใจหลักการปฏิบัติให้เข้าถึงปัญญาและการดับทุกข์นั้นด้วยเพราะถ้าเข้าใจผิดจะเป็นการมอบความเลวร้ายให้กับชีวิตเป็นอย่างยิ่งการเข้าถึงปัญญาและการดับทุกข์นั้น ต้องเริ่มต้นด้วยการฝึกฝนตนเองในด้านวิปัสสนาภาวนาล้วนๆ โดยไม่ต้องไปทำสมาธิก่อน อย่างที่มีการสอนกันในปัจจุบันนี้ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ตรงกับผลที่ต้องการ ถ้าทำสมาธิแล้วผลจะออกมาเป็นความสงบอย่างเดียว ไม่มีปัญญาดับทุกข์ได้นั้นเป็นการผลักตนเอง จากการทำร้ายตัวเองอย่างหยาบไปสู่การทำร้ายตัวเองอย่างละเอียด โดยไม่รู้ตัว ซึ่งไม่สามารถแก้ไขตนเองกลับมาให้มีปัญญาดับทุกข์ได้เลยในชาตินี้ การกระทำอย่างนี้ถือเป็นการมอบความเลวร้ายอย่างละเอียดให้กับตนเอง ซึ่งชีวิตไม่ได้ต้องการรางวัลอย่างนี้ ตัวคนและชีวิตต้องการดับทุกข์ ไม่ใช่การหลบทุกข์ชั่วคราวหรือความสงบซึ่งยังอยู่ในวังวนของการเวียนว่ายตายเกิดนับชาติไม่ถ้วน ทุกคนมีโอกาสให้รางวัลชีวิตตลอดเวลาถ้าไม่ประมาท





ว่างๆก็ลองส่องกระจกดูหน้าตัวเองบ้างแล้วถามตัวเองว่ารูปร่างหน้าตาอย่างนี้เราใช้เขามากี่ปีแล้ว ใช้อย่างสมบุกสมบันมาตลอดบางครั้งบอบช้ำเจ็บปวดจนทนไม่ได้ ต้องเข้าไปพักรักษาตัวเองในโรงพยาบาล เมื่อหายดีแล้วก็ใช้เขาอีกอย่างเดิม บางครั้งหนักกว่าเดิมเสียอีก เมื่อไหร่ท่านจะให้รางวัลแก่เขาบ้าง ถามอย่างนี้ทุกวัน เมื่อท่านเห็นหน้าตาของท่านในกระจกแล้ว ท่านก็จะเห็นบุญคุณของชีวิตอย่างมากมาย ซึ่งตลอดเวลาเขาเป็นที่รองรับอารมณ์ความโลภ ความโกรธ ความหลง เคียดแค้นชิงชัง ทำร้ายเขาทั้งทางตรงและทางอ้อม บางครั้งก็พาเขาเข้าไปนอนทุกข์ทรมานอยู่ในคุกตารางหลายปีหรือตลอดชีวิต เขาทนได้ทนมาตลอดให้เราเห็นหน้าอยู่ขณะนี้ ไม่มีอะไรทนได้ทุกอย่างเหมือนตัวชีวิตของเรา ฉะนั้นตัวชีวิตคือคู่ชีวิตของเราที่แท้จริง ตัวชีวิตของเรานี่แหละอยู่กับเรานานที่สุด สิ่งอื่นๆไม่ว่าอะไรทั้งนั้นแม้กระทั่งลูก เมีย พ่อแม่ ก็อยู่กับเราไม่ได้นาน เท่ากับตัวของเราเลย เมื่อเรารู้ว่าตัวชีวิตของเราคือเพื่อนตายที่แท้จริง ตายเมื่อใดตัวชีวิตกับตัวคนก็จากกัน ถ้าไม่ตายก็อยู่ด้วยกันอย่างนี้แม้แต่จะระทมขมขื่นก็ไม่หนีไปจากกันง่ายๆ อย่างคนบางคนไม่พอใจเรา เราไม่มีอะไรจะให้ ก็หนีไปจากเราแล้ว ตอนนี้เราต้องหันมาดูแลเพื่อนแท้เพื่อนตายของเราบ้าง อย่าให้เจ็บปวดบอบช้ำจากความโลภ โกรธ หลง อีก หมั่นฝึกฝนตัวคนให้อยู่อาศัยกับตัวชีวิตให้เกื้อกูลซึ่งกันและกันเลิกการเบียดเบียนทำลายล้างกันทั้งทางตรงและทางอ้อม เมื่อท่านให้รางวัลกับชีวิตด้วยหลักการของการวิปัสสนาตามทางสายเอกของพระพุทธเจ้าแล้ว นั่นแหละยอดปรารถนาของชีวิตทุกคนชีวิตต้องการอย่างนี้ท่านอย่าเสียเวลาเลยให้รางวัลแก่ชีวิตท่านตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ชีวิตของท่านจะไร้ทุกข์พบแต่สุขถาวร